
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปเที่ยวสมุยกับเค้าสักที แม้จะเป็นแบบรวบรัดตัดตอน ประมาณนั่งรถไป เอาขาแตะพื้น ถ่ายภาพ (123 แชะ) แล้วก็นั่งรถกลับ แต่ก็สนุกดีตามประสาเพื่อนฝูง แบบว่ามีคนคบอะนะ ถึงแม้จะน้อยนิดแต่ก็มหาศาล เอชักจะเพี้ยนแล้วเรา…
เรื่องนี้มันมีที่มา ที่ได้มีบุญวาสนาไปเที่ยวสมุีัยในครั้งนี้ เนื่องจากเกาะติดสถานการณ์ ไปส่งเพื่อนสาวที่จะไปทำงานที่สมุย ทริปนี้ประกอบด้วย ผู้ร่วมเดินทาง จำนวน 3 ราย รายแรกประสบการณ์สมุยเยอะมาก เพราะกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วเคยทำงานที่นั่น รายที่สองเคยไปสมุยสองครั้งมั้ง ตอนไปหาหอและดูทำเลที่ทำงานใหม่ รายที่สามต๊ะติ๊งโหน่ง
หลังจากวางแผนล่วงหน้าเป็นเวลานาน 3 วัน ได้ผลสรุปออกมาว่า ชาวคณะจะมีเวลาในการไปสมุยทั้งสิ้น ประมาณวันครึ่ง ออกจากภูเก็ตประมาณเที่ยงๆ วันเสาร์ แดดร้อนกำลังดี ขับรถเรื่อยๆ ไม่รีบไม่ร้อน ถึงตอนไหนก็ตอนนั้น ส่วนขากลับก็เช่นกัน… นั่นคือแผนการที่ได้รับการกลั่นกรอง คิดแล้วคิดอีกของพวกเรา

เมื่อยเราไม่เมื่อย เหนื่อยเราไม่เหนื่อย
เขาขับ ไปเรื่อยๆ เรานั่งเรื่อยเราไม่เหนื่อย
แต๊นแต้น… และแล้ววันเดินทางก็มาถึง!!! รถพร้อม คนพร้อม เสบียงพร้อม (อันหลังนี่กะแวะเซเว่นข้างทางเพิ่มด้วย) การเดินทางราบรื่นดี ขนมอร่อย น้ำดื่มไม่ขาด แต่ไม่กล้าดื่มเยอะ เพราะจะหวังปั๊มบ่อหน้า (สถานีหน้า) มากนักไม่ได้ ระหว่างทาง กิจกรรมหลัก นอกจากการเมาส์แตก ที่ทำกันจนเป็นนิสัย และคร่ำเคร่งกับการดูแผนที่ประกอบเส้นทาง อย่างเคร่งครัดกันแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนใจจดจ่อมาก คือ การค้นหาคลื่นวิทยุ (ไม่ได้เตรียมซีดีไป มีแต่แผ่นเอ็มพี 3 อันนี้ผิดแผน)
ความพยายามครั้งใหญ่หลวง
“นำแผ่น MP3 ไปเปิดกับเครื่องเล่น CD”
ออกจากภูเก็ต มีร้านค้าของชาวบ้าน เรียงรายอยู่เป็นระยะๆ ตั้งแต่ ร้านของฝาก บริเวณสะพานสารสินฝั่งพังงา ร้านจักสานและงานฝีมือ ริมถนน 4 เลนในจังหวัดพังงา (ที่สร้างเท่าไหร่ก็ไม่เสร็จสักที) และ ร้านส้มโชกุน บนถนนสายเอเซีย ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่ได้เก็บภาพมา มัวแต่ต่อรองราคากับแม่ค้าส้มเพลินไปหน่อย
ร้านของฝากที่สารสิน
มีปูจักจั่น ปลาฉิ้งฉ้าง ปลาอินทรีเค็ม และสับปะรดภูเก็ต
จากภูเก็ต ไปพังงา ผ่านกระบี่สองข้างทางแตกต่างกันไป เมือง สวนปาล์ม สวนยาง และละอองฝุ่น ให้บรรยากาศที่แตกต่างกันไป หนึ่งชั่วโมงผ่านไป กินๆๆๆ แวะปั๊มๆๆๆ เซเว่นๆๆๆ… สองชั่วโมงผ่านไป คิกคักสนุกสนาน… สามชั่วโมงผ่านไป เออหลงป่าวนี่… สามชั่วโมงครึ่งผ่านไป หลังจากทบทวนแผนที่สี่ตลบ… ถึงแล้วท่าเรือเฟอร์รี่!!!
ประมาณ บ่ายสาม เศษหนึ่งส่วนสี่ ณ ท่าเรือเฟอร์รี่ สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ซื้อตั๋ว อะ อะ แต่เดี๋ยวก่อน… เพื่อนสาวผู้สามารถ ได้จองตั๋วล่วงหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว นับเป็นการทำประโยชน์ให้แก่ชาวคณะ ได้อย่างอเนกอนันต์ เพราะทราบจากคนขายว่า หากไม่จองมาก่อน พวกท่านสามสหาย ต้องรอคิวต่อไปอีก 1 ชม. เพราะว่าพื้นที่สำหรับรถยนต์เต็มแล้ว (ลืมบอกไป ทริปนี้เอารถไปด้วย)

ช่องซื้อตั๋วตรงนี้

สีม่วงตั๋วคน

สีเหลืองตั๋วรถ (แต่ขากลับเหมือนว่าจะสลับกัน)

ไปกันลำนี้จ้า (ลำหลัง-ลำแรกเป็นเรือด่วน)
ขั้นตอนต่อไปก็ไม่มีอะไรซับซ้อน รอ แล้วก็ รอ รอเวลาที่เรือมาเทียบท่า และขึ้นเรือไปซาหมุ่ยกัน แต่เรือกับรถเค้าให้แยกกันขึ้นนะ คนไปทาง รถ+คนขับไปทาง แต่สำหรับคู่รักฮันนีมูนไม่ต้องต๊กใจ พอเอารถไปจอดเสร็จก็ขึ้นมาเจอกันที่ห้องโดยสารบนเรือได้… อ้อ เค้ามีห้องนวดด้วยนะ นวดกดจุดฝ่าเท้า ผ่อนคลายดีเพลินๆ ด้วย เพราะกว่าจะถึงสมุย ต้องใช้เวลาเดินทางถึง หนึ่งชั่วโมงครึ่ง แหนะ!!!
เย้ออกจากท่าแล้ว!!! ที่นั่งมีทั้งด้านนอกลมโกรก และด้านในตากแอร์เย็นสบาย
(แต่แนะนำแบบลมโกรกดีกว่า จะได้ไม่เมาเรือ)

โน่นงัย สมุย ไม่ใกล้ไม่ไกล
ถึงแล้วสมุย ตอนขึ้นจากเรือ เค้าอนุญาต ให้ผู้โดยสารขึ้นรถขึ้นเรือได้ (นั่งรถขึ้นจากเรือ) อิอิ ช้อบชอบ ไม่ต้องเดินไกลเหมือนตอนลงเรือจากท่าที่สุราษฏร์ บริเวณท่าเรือ เค้าเรียกว่าหน้าทอน มีตลาดหน้าทอนด้วยนะ แต่ไม่ได้ไปช้อปหรอก แค่นั่งรถผ่าน… ทริปนี้เวลาจำกัด ^^”
ในรถ ใต้ท้องเรือ เตรียมตัวขึ้นฝั่ง
ตามโปรแกรมที่วางกันไว้ เมื่อไปถึงแล้วจะเริ่มเที่ยวกันเลย แต่ความเป็นจริงแล้ว มันผิดแผนนิดหน่อย เพราะตอนนั้นไปถึงก็เย็นมากแล้ว ประมาณหกโมงเย็นเห็นจะได้ จึงคิดกันใหม่ โดยจะเข้าที่พัก เก็บสัมภาระให้เรียบร้อย แล้วค่อยออกไปทำภาระกิจต่างๆ ต่อไป (พูดเท่ๆ ไปงั้นแหละ ภาระกิจที่ว่า คือ เที่ยว เที่ยว เที่ยว แล้วก็ เที่ยว สมุย)
และ ครั้งนี้ก็ต้องขอบคุณ น้องบิว ซึ่งติดต่อประสานงานเรื่องที่พักให้ (เดอะ แฟร์ เฮ้าส์ – The Fair House) ห้องพักสะดวกสบายมากเลย บรรยากาศก็ดีเยี่ยม ด้านหลังห้องมีหินก้อนใหญ่ ดูแล้วขลังดี ว่ากันว่าบางห้อง หินจะมาอยู่ในห้องเลยทีเดียว เหมาะสำหรับคนรักธรรมชาติ น่าเสียดายนิดเดียว ที่เค้ากำลังปรับปรุงห้องอาหารริมหาดอยู่ เลยไม่ได้เก็บภาำพมาฝากกัน

เก็บสัมภาระเีรียบร้อย ก็ค่ำพอดี ตกลงปลงใจกันว่า จะไปทานซีฟู้ดที่ร้านระเบียงเล เห็นว่าเป็นร้านขึ้นชื่อของที่นี่เลย แต่โดยส่วนตัวแล้ว ประทับใจบริการของพนักงานคนนึงที่นี่มาก เค้าจะพยายามประคบประหงม สภาวะอารมณ์ของลูกค้าอย่างรุนแรง คือ ถ้าอาหารที่เราสั่งหมด อาทิเช่น เราสั่งยำสาหร่าย เค้าก็จะบอกเราว่า “แหม น่าเสียดายมากจริงๆ ครับพี่ สาหร่ายของเราหมดพอดี” … อืม บางครั้งประโยคยาวๆ ก็ช่วยลดความผิดหวังได้บ้างเล็กน้อยเหมือนกัน
คืน นั้น ทานอาหารที่ร้านระเบียงเล เสร็จแล้ว เพื่อนที่เคยทำงานที่สมุยก็พานั่งรถเล่น ไปหาคนโน้นคนนี้ และจบลงด้วยการพาเวียนเกาะสมุย ทำให้พอจะมีความรู้เพิ่มขึ้นมานิดหน่อยว่า สมุยจะมีถนนเป็นวงแหวนสองวง วงในกับวงนอก เชื่อมกันระหว่างวงด้วยถนนเล็กๆ และหากขับรถในสมุย แล้วหาที่หมายไม่เจอ ก็ขับมันวนไปวนมา เดี๋ยวก็เจอ อันนี้เค้าว่ามาอีกทีนะ โดยส่วนตัวแล้วยังงงๆ อยู่
เช้าวันใหม่ ตื่นเช้า (กว่าปกตินิดหน่อย) เพื่อไปทานอาหารที่ห้องอาหารของโรงแรม และไม่ลืมที่จะเรียกใช้บริการของคุณพี่บั๊กกี้ เพราะทางระหว่างห้องพักกับห้องอาหารออกจะลาดชัน ไม่เหมาะสำหรับสาวน้อยตัวกลมๆ อย่างเรา… อันนี้ไม่ได้เหลวไหลนะ พูดตามหลักวิทยาศาสตร์เรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก…

ใช้บริการรถทั้งไปและกลับ
เนื่องจากอาหารอร่อย และมีให้เลือกเยอะมาก
ทานอาหารเสร็จ เก็บข้าวของเรียบร้อย ก็ไปเที่ยวกันต่อ วันนี้วางไว้สองที่ว่าจะต้องไปแน่ๆ คือ พระใหญ่ และ หินตาหินยาย แต่ทำไปทำมาได้ไปเที่ยวบิ๊กซีสมุย เพิ่มมาอีกหนึ่งรายการก็ไม่รู้… สองที่แรกได้เก็บภาพมาฝากกัน แต่ที่สุดท้ายคงไม่ต้อง เพราะที่ไหนๆ ก็คงเหมือนๆ กัน

พระใหญ่

หินตา หินยาย

กาละแม – ยาหนม เกาะสมุย ซื้อ-ขายกัน ร้อนๆ
วันที่นี้ต้องทำเวลา เพราะว่าจองเรือไว้ตอนเที่ยงครึ่ง ต้องไปให้ถึงท่าเรือก่อนเที่ยง ไม่งั้นถือว่าสละสิทธิ งานนี้จึงต้องตาลีตาเหลือกกันยกใหญ่ แต่ก็สนุกดี “เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้”

บ๊าย บาย สมุย.

อะ อะ ยังไม่จบ
ทริปนี้ ปิดท้ายที่ส้มตำยกครก จังหวัดพังงา ก่อนเดินทางกลับสู่ภูเก็ต โดยสวัสดิภาพ
ขอบคุณ :
- ผู้อ่านที่ทนอ่านมาจนจบ
- กล้องโซนี่แม่แก่
- กล้อง มือถือที่ไม่น่าเชื่อว่าถ่ายมาจะชัดถึงเพียงนี้
- น้องบิวที่จองห้องพักให้
- ชาวคณะ
เรื่อง / ภาพ : ฟ้าสวย